บทที่ 9 นางคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กัน

“กว่าข้าจะเกล้าผมทรงนี้ได้ตั้งนาน พี่อู่เฉียงอย่ามาทำผมข้ายุ่งซิ” ซินหรานแลบลิ้นใส่ แม้เป็นเสียงบางเบา แต่นางได้ยินเสียงหัวเราะจากริมฝีปากของเขา

“พี่อู่เฉียงดูแลตัวเองดีๆ ด้วย”

อู่เฉียงไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แปลกใจที่ไยเขาจึงรู้ว่านางอยู่ที่นี่ และที่แปลกใจกว่าคือการยอมรับว่าเขาคิดถึงนาง องครักษ์หนุ่มคว้าตะกร้าผ้าของนางมาถือให้ หญิงสาวจึงเดินกลับมาพร้อมกับเขา พูดคุยหยอกล้อโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดสิ่งใดอยู่ เพียงก้าวกลับเข้ามาในครัวพ่อบ้าน         จูโหย่งเจายืนโต้เถียงกับพ่อครัวเจี่ยนอยู่ก่อนแล้ว

“ซินหรานกลับมาพอดี” พ่อครัวเจี่ยนถอนหายใจเฮือกใหญ่

“มีอะไรหรือเจ้าคะ” นางถามด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่กล้าสบตากับพ่อบ้านจูโหย่งเจาโดยตรง นางเกรงว่าพ่อบ้านรู้เรื่องในห้องนอนของท่านจอมมาร

“แม่นางจางเย่วถิงมาถึงแล้ว พอก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์ก็ถามหาเจ้า”

“เจ้าเป็นพ่อบ้านประสาอะไร ประมุขพรรคกระเรียนแดงมาถามหาซินหราน ทำไมไม่บอกไปเล่าว่านางไม่อยู่!”

“ก็ข้าจะพูดปดได้อย่างไร ท่านจอมมารสั่งข้าให้มาเชิญซินหรานไปพบแม่นางจางด้วยนี่”

ซินหรานเหลือบตามองไปยังอู่เฉียง แม้เขาไม่พูดอะไรแต่ขบฟันจนแทบเป็นสันนูน นางจึงยื่นมือไปแตะท่อนแขนของเขาแล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะเสียงใส

“แม่นางจางมาที่นี่ทุกปีอยู่แล้ว นางเห็นข้าเป็นของเล่นไว้หยอกล้อ ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ”

ทุกคนในพรรคเพลิงอัคนีล้วนปกป้องนาง เว้นบรรดาหญิงบำเรอของท่านจอมมาร ซินหรานจับแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย เห็นท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจของพ่อครัวเจี่ยนแล้วนางจึงได้แต่ส่งยิ้มให้และเดินตามหลังพ่อบ้านจูโหย่งเจาไปทันที

ซินหรานเดินตามไปอย่างเงียบๆ และสำรวมเช่นทุกครั้ง        จางเย่วถิงเป็นประมุขพรรคกระเรียนแดง สามปีก่อนนางเดินทางมาที่นี่เพื่อให้ท่านจอมมารถอนพิษให้ แต่พิษนั้นไม่สามารถถอนได้หมดสิ้น ทุกปีในช่วงเวลานี้จางเย่วถิงจะเดินทางมาที่นี่

ตั้งแต่ครั้งแรกที่จางเย่วถิงเห็นซินหราน ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีราวกับเห็นอาหารอันโอชะ ท่าทางเหมือนจะปอกเปลือกนางออกแล้วกัดกินนั้นทำให้นางหวาดกลัวมาก มากเสียจนได้แต่ยืนนิ่งงันเหมือนเท้าถูกตะปูตอกตรึงไว้ แต่ผู้อื่นกลับเข้าใจว่านางไร้ความหวาดกลัวกล้ายืนเผชิญหน้ากับประมุขพรรคกระเรียนแดง

‘ข้าชอบนาง ยกนางให้ข้าเถอะ!’

ซินหรานตะลึงงันอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก แน่นอนว่านางเคยเห็นท่านจอมมารให้หญิงบำเรอของตนมาดูแล ‘แขก’ ของท่าน แต่นางเป็นหญิงรับใช้และเวลานั้นนางอายุแค่สิบสาม ร่างกายนางมิได้มีสิ่งใดดูเย้ายวนใจผู้ใดได้เลยสักนิด นักฆ่าของพรรคเพลิงอัคนีที่เป็นสตรีและใช้มารยาหญิงให้การสังหารชายมีหลายคนนั้น แต่ละนางล้วนงามพิลาศ  เพียงชายตาก็ทำให้บุรุษคลุ้มคลั่งได้แล้ว

‘ถ้าเจ้ายังต้องการให้ข้าถอนพิษให้ ก็เลิกความคิดนั้นเสีย’

จางเย่วถิงเพียงแค่ยักไหล่ ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ระหว่างที่ประมุขพรรคกระเรียนแดงพำนักพักที่นี่ก็มักเรียกนางใช้รับใช้ ทั้งที่ตนเองก็นำคนสนิทมาปรนนิบัติอยู่แล้ว นางวิ่งวุ่นหัวหมุนจนอยากหลั่งน้ำตา แต่สุดท้ายนางก็รอดพ้นมือจางเย่วถิงอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ทุกปีที่จางเย่วถิงมาถอนพิษ จะเรียกหานางทุกครั้ง ถึงจางเย่วถิงจะสรรหาเรื่องมาใช้งานนางสารพัดจนคนในพรรคเพลิงอัคนีหมั่นไส้และพาลไม่ชอบหน้านาง แต่จางเย่วถิงก็มักมีของมาฝากนางเสมอ นางจึงรู้ว่าจางเย่วถิงนิสัยเหมือนเด็กมากกว่าคนเป็นประมุขพรรคกระเรียนแดงเสียอีก หรือเพราะนางเคยพบประมุขพรรคมารแค่ท่านจอมมารเหิงหยางเซิงเท่านั้น

พ่อบ้านจูโหย่งเจาพาซินหรานเข้าไปในห้องรับรองแขก ที่ตำแหน่งประมุขนั้นมีเหิงหยางเซิงนั่งดื่มสุรารออยู่ก่อนแล้ว ส่วนด้านข้างคือคือหญิงสาวผู้สวมอาภรณ์สีแดงเลือดนก เครื่องประดับของนางเป็นทองคำจึงดูโดดเด่นสะดุดตา โดยเฉพาะสิ่งที่รัดรวบเอวกิ่วนั่นคือแส้กระดูกงูสีทองอร่าม

“น้องซินหราน”

จางเย่วถิงไม่ปกปิดความดีใจที่ได้เห็นหน้าหญิงสาว นางรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาจับมือเรียวเล็กของซินหรานด้วยท่าทีสนิทสนม บรรดาคนสนิทที่ติดตามมาด้วยนั้นเปิดเผยรอยยิ้มขบขัน แต่ซินหรานยิ้มไม่ออกเมื่อปลายจมูกของจางเย่วถิงยื่นมาสูดดมใกล้ใบหูของนาง

“ซินหราน” จางเย่วผิงขมวดคิ้ว “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่?”

เหตุใดมีแต่คนถามนางด้วยประโยคนี้นะ!

“สิบหกเจ้าค่ะ”

ซินหรานตอบไปตามตรง ถึงนางจะไม่อยากพูดถึงเรื่องราวในอดีตของตนเอง แม้กระทั้งชื่อเดิมของนาง นางจงใจลืมไปหมดสิ้น แต่เรื่องวันเกิดและอายุที่แท้จริงนั้น นางจำได้ดี อย่างน้อยก็เป็นวันที่มารดาเจ็บปวดเพื่อให้นางได้เกิดมา

จางเย่วถิงหันกลับไปมองเหิงหยางเซิงที่นั่งดื่มสุราหน้าตาเรียบเฉย แล้วก็หันกลับมามองใบหน้าที่ไร้การแต้มแต่งใดๆ ก่อนถอนหายใจเบาๆ คว้ามือเล็กของซินหรานกึ่งลากกึ่งจูงมานั่งข้างกัน

ซินหรานเก็บอาการตื่นตกใจซ่อนไว้ด้วยท่าทีนิ่งเฉย บรรดาคนสนิทที่มาพร้อมกับ  จางเย่วผิงค้อมตัวแล้วถอยออกไปอย่างเงียบเฉียบ บ่าวรับใช้ผู้อื่นนำสุราอาหารมาวางไว้แล้วถอยออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงแค่เหิงหยางเซิง จางเย่วถิงและซินหราน

นางกลอกตามองไปยังเหิงหยางเซิง เมื่อไม่เห็นท่านจอมมารมีปฏิกิริยาใด นางจึงได้แต่ก้มหน้ายกกาสุรารินใส่จอก แต่จอกสุราหยกยังไม่ทันถูกยื่นไปใส่มือของจางเย่วถิง ซินหรานก็รู้สึกถึงแรงกระแทกจนทำให้จอกสุราตกลงพื้น นางได้แต่กระพริบตาปริบๆ กว่ารู้สึกตัวข้อมือของนางก็ถูกคว้าไว้กระชากอย่างแรงจนนางลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างจางเย่วถิง

“นายท่าน” ซินหรานเอ่ยเสียงเบา รู้สึกเจ็บข้อมือแต่ไม่กล้าร้องโอดครวญออกไป

“ระวังหน่อยท่านจอมมาร กระดูกนางเปราะบางนัก ประเดี๋ยวแตกหักขึ้นมาจะลำบากรักษา” จางเย่วถิงยกกาสุราขึ้นแหงนหน้าแล้วกรอกสุราลงคอตนเอง

“เจ้าอยากเห็นหน้านาง เจ้าก็ได้เห็นแล้วนี่”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป